วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550

สิ่งสวยงามของฝรั่งเศส





สิ่งสวยงามของฝรั่งเศส





หอไอฟเฟล

ตั้งอยู่กลางกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส

เป็นหอสูงสร้างด้วยโครงเหล็กทั้งหมด

โดยชาวฝรั่งเศสชื่อกุสตาฟ เอฟเฟล

มีความสูง 984 ฟุต ใช้เหล็กทั้งหมด 7 พันตัน

สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2413 ใช้เวลาสร้าง 1 ปี

มีหอชมวิว 4 ชั้น สามารถมองเห็นฝั่งแม่น้ำเซน

มีลิฟต์ขึ้นลง นับเป็นงานสร้างที่มหัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน

และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศฝรั่งเศสด้วย



สวนสาธารณะที่มีชื่อของปารีส


Jardin de Luxembourg







เรียกว่า Pantheon




เป็นสถานที่เก็บโรงศพของพระเจ้านโปเลียน








เรียกว่า Point Zero


กิโลเมตรที่ศูนย์ของยุโรป


ถ้าใครไปเหยียบจุดนี้ เชื่อว่าจะได้กลับมาอีก





นี่คือ Notre Dame de Paris


เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Gothique


ที่สร้างรูปทรงสูง


เพราะมีความเชื่อว่าจะเข้าถึงพระเจ้า


ภายในประดับด้วยกระจกสีสวยงามตระกานตา


อย่างที่เห็นในภาพนี้นั่นเอง








หน้าทางเขา Notre Dame จะมี








อันนี้คือ L'Hotel de ville


เรียกเป็นภาษาไทยว่า ว่าการจังหวัด







สถานที่นี้ คือ Sacre coeur


เมื่อเดินไปถึงโบสถ์แล้ว มองหันหลังกลับมา


จะเห็นเมืองปารีสทั้งหมดได้


สวยงามมากๆ










อันต่อไปที่นำมาเสนอให้ดูคือ L'Arc de Triomphe




เรียกภาษาไทยง่ายๆ "ประตูชัย"




ฝรั่งเศสชนะสงครามเลยสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา




แล้วบนกำแพงก็จะสลักชื่อทหาร




ที่เสียชีวิตในสงครามเป็นการให้เกียรติ




ตรงกลางสถานที่จะมี




La flamme eternelle เป็นไฟที่ไม่มีวันดับอยู่ด้วย







พิพิธภัณฑ์ Louvre


ภาพของศิลปินที่มีชื่อเสียงรวมอยู่ที่นี่


อย่างเช่น


ภาพ Mona Lisa ของ Da Vinci


ใครอ่าน Da Vinci Code ห้ามพลาดเด็ดขาด






ต่อจากตอนที่แล้ว ยังอยู่ใน Lourve


เห็นรูปปั้นนี้แล้วนึกถึงโฆษณาลดความอ้วน


ที่ที่ดารามานั่งโชว์ห่วง... (อารมณ์ประมาณโชว์ห่วยรึเปล่าเนี่ย)


ตอนกลับมาเราเอารูปให้เพื่อนดู...เป็นไง


ผู้หญิงสมัยก่อนเค้าเป็นกันยังงี้


พนันได้ว่าเจ๊วีนั่งยอง ๆ ก็น่าจะเป็นเหมือนกัน


เพราะงั้นที่ชั้นมีพุงมันไม่ผิด! ประนามกันดีนัก เป็นไงล่ะ






แผ่นหินปิดโลงศพค่ะ สองคนนี้คงเป็นสามี-ภรรยา



สงสัยค่ะว่าเค้าตายพร้อมกัน




รึเค้าทำโรงศพเตรียมไว้ ใครตายก่อนก็ได้ใช้ก่อนรึเปล่า.






Napoleon III Apartments ค่ะ




ส่วนนี้จะยังคงเหมือนสมัยที่ Lourve ยังเป็นพระราชวังอยู่






รูปวาดสีน้ำมันใน Napoleon III Apartments











รูป





Mona Lisa ยิ้มปริศนาแท้จริงกำลังตั้งครรภ์





ลอนดอน-ทฤษฎีใหม่ชี้โมนาลิซา
ใบหน้าเปื้อนยิ้มอาจเป็นเพราะตั้งครรภ์
หรือไม่ก็เพิ่งจะคลอดบุตร
คณะนักวิทยาศาสตร์จาก
สภาวิจัยแห่งชาติแคนาดา (เอ็นอาร์ซี)
เปิดเผยผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดเมื่อวันพฤหัส
(28 ก.ย.) ว่ารอยยิ้มปริศนาบนภาพวาดโมนาลิซา
ฝีมือการวาดของจิตรกรเอกลีโอนาโด ดาวินชี
ที่มีการตีความไปต่างๆนานานั้น
รวมไปถึงการสันนิษฐานว่าดาวินชีวาดภาพตัวเอง
จากเงาสะท้อนในกระจก แต่แท้ที่จริงแล้ว
โมนาลิซาใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอาจเป็นเพราะตั้งครรภ์
หรืออาจจะเพิ่งคลอดบุตรใหม่ๆ
คณะนักวิทยาศาสตร์ชุดนี้ได้ข้อสรุปหลังจาก
ใช้แสงเลเซอร์และอินฟราเรดสแกน
เพื่อสร้างภาพสามมิติจากภาพวาดโมนา ลิซา
ที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟว์
ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ทำให้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ
ภายใต้ชั้นสีบนภาพ ซึ่งรวมถึงชุดผ้าโปร่งบาง
ที่ผู้หญิงอิตาลีในยุคต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16
นิยมสวมใส่ขณะตั้งครรภ์หรือเพิ่งคลอดบุตร
ภาพสามมิติยังชี้ให้เห็นว่า ภาพวาดอายุ 500 ปี
ชิ้นนี้ยังอยู่ในสภาพดี นอกจากนี้
การสแกนซึ่งแยกรายละเอียด
ได้ถี่ยิบกว่าเส้นผมมนุษย์ถึงสิบเท่า ยังทำให้เห็นด้วยว่า
ชิ้นไม้ด้านหลังภาพวาดเริ่มโค้งงอ เอ็นอาร์ซีเผยด้วยว่า
รายละเอียดบนภาพที่ถูกบดบัง
จากสีที่ค่อนไปทางดำและ
การเคลือบเงานั้นมีตั้งแต่ทรงผม
ซึ่งเดิมโมนาลิซา รวบผมมวยไว้ด้านหลัง
ลักษณะท่าทางที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย รวมทั้งชุดผ้าโปร่งดังกล่าว

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ธงชาติและตราประจำชาติ

République française
เรปูบลีก ฟรองแซส
สาธารณรัฐฝรั่งเศส

ตราประจำชาติ


ตราประจำชาติ

ภาพ La Liberté guidant le peuple

ภาพ La Liberté guidant le peuple
หรือ
เสรีภาพสู่ประชาชน เล่าเรื่องเหตุการณ์ตอนปฏิวัติฝรั่งเศส



ผู้เขียนวรรณกรรม



เรย์มงด์ ราดิเกต์





เรย์มอนด์ ราดิเกต์มักจะถูกพูดถึงว่าเป็นคน ‘ตัวเล็ก ผิวขาวซีด สายตาสั้น’ รวมทั้ง ‘มองโลกในแง่ร้าย เสแสร้ง และฉลาดหลักแหลม’ เขามีชีวิตอยู่เพียงยี่สิบปีครึ่ง ก่อนจากไปด้วยไข้ไทฟอยด์ แต่กระนั้นก็ยังเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ในแวดวงวรรณกรรม และเป็นศิษย์ของกวีมาดศิลปิน ฌาน ก็อคโต เรย์มอนด์ เรดิเกต์ (1903-1923) เกิดที่ใกล้กรุงปารีส เป็นบุตรของนักวาดการ์ตูน ช่วงห้าปีสุดท้าย เขาเลิกเรียนแล้วเข้าไปขลุกอยู่กับบรรดาศิลปินหัวสมัยใหม่แห่งยุคในเมืองหลวงของฝรั่งเศส มีสัมพันธ์สวาทกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และได้สร้างสรรค์งานชิ้นเอก Le diable au corps (The devil in the flesh, 1923) รวมบทกวีสองชุด บทละคร และนวนิยายเรื่องที่สอง (ซึ่งปัจจุบันได้ล้าสมัยไปมาก) Le bal du comte d’Orgel (Count Orgel opens the ball, 1924) นอกเหนือจากการเขียนให้กับนิตยสารวรรณกรรม Le diable au corps ซึ่งเรานำเสนอ เป็นการเขียนใหม่จากเรื่องราวของ ดัฟนิสกับโคลเอ้ ในฉากต่างจังหวัดสมัยสงคราม เรื่องราวส่วนใหญ่ก็มาจากชีวิตของผู้เขียนด้วยภาษาแบบนีโอคลาสสิก น้ำเสียงเย้ยหยันของตัวผู้เล่าทำให้นักวิจารณ์ถึงกับตกตะลึงกันไปตามๆ กัน ทว่านวนิยายเรื่องนี้ยังสร้างความพิศวงให้กับคนฝรั่งเศสรุ่นใหม่ๆ ไม่เสื่อมคลาย และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง